วิธีคำนวณจุดคุ้มทุน การติดระบบโซล่าเซลล์ในโรงงาน แบบละเอียดยิบ

แน่นอนว่าหลายคนที่มาอ่านบทความนี้ คงมีความคิดอยากจะติดโซล่าเซลล์สำหรับบ้านอยู่อาศัย หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่ต้องการติดโซล่าเซลล์บนหลังคาโรงงานของตนเอง

หลายคนสงสัยว่ามันคืนทุนได้จริงหรอ? บางคนก็บอกไม่นานก็คืนทุน บางคนก็บอกว่าอย่าไปติดเลยไม่คุ้ม ทำไมแต่ละคนบอกไม่เหมือนกัน?

คำตอบที่ดีที่สุดคือต้องดูเป็นเคสๆไป แต่หากถามโต้งๆเลยว่า ติดโซล่าเซลล์ที่บ้านนี่มันคุ้มหรือเปล่า คำตอบคือ “ตอบไม่ได้” ซึ่งมันขึ้นอยู่กับ “ราคาการติดตั้งโซล่าเซลล์” “ความถูกต้องในการติดตั้ง” และ “ขนาดติดตั้งที่เหมาะสม” นั่นเอง

สารบัญ

บทความต่อไปนี้ ผมสรุปมาจากคลิปด้านล่างครับ ใครขี้เกียจอ่านก็ฟังในคลิปเอานะ ใครอยากฟังใน “วิธีการคำนวณจุดคุ้มทุน การติดโซล่าเซลล์สำหรับบ้าน และโรงงาน

ถ้าใครคิดว่ามีประโยชน์ อยากสนับสนุน ฟังสาระดีๆ ช่วยกด Like กด Share กด Subscribe

ช่อง “Energy for Dummies” ให้ผมด้วยนะ

ในความเป็นจริง การคำนวณความคุ้มค่าในการติดตั้งโซล่าเซลล์ ไม่ว่าจะเป็นบนหลังคาบ้าน หรือโรงงานล้วนมีหลักการเดียวกัน เราควรเริ่มต้นคำนวณจากการใช้ไฟจริงๆของเราว่าในแต่ละเดือนเราใช้ไฟเท่าไหร่

และหากเราประเมินขนาดของระบบได้ถูกต้องแล้ว การคำนวณความคุ้มค่าแทบจะเป็นสูตรตายตัว ไม่ว่าระบบไหนก็คำนวณแทบจะเหมือนกันหมด

ปัญหาที่เกิดในอุตสาหกรรมโซล่าเซลล์ส่วนมากคือ ผู้ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ก็อยากจะติดให้เจ้าของบ้านมากๆ ในขณะที่เจ้าของบ้าน เจ้าของโรงงานไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ติดเสร็จไม่เห็นจะลดค่าไฟได้อย่างที่ว่า

ติดโซล่าเซลล์ คุ้มแล้วหรือยัง

ซึ่งพอถามมาแบบนี้ สมมติฐานแรกที่ผมต้องตั้งขึ้นมาคือ ขนาดของระบบเรา และสภาพการติดตั้งทุกอย่างเหมาะสมดีแล้ว ซึ่งผมสรุปเงื่อนไข 3 ข้อด้านล่าง เพื่อที่จะใช้วิธีการคำนวณที่ผมกำลังจะอธิบายได้

  • เราประมาณการใช้ไฟตามบทความด้านบท (ไม่มีไฟฟ้าส่วนเกินที่ปล่อยทิ้งไปเฉยๆ)
  • ไม่มีเงาแดดจากสิ่งต่างๆบริเวณที่ติดโซล่าเซลล์ ในช่วง 8โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น
  • การติดตั้งหันไปทิศใต้ หรือเกือบทิศใต้ก็ได้ และไม่ทำมุมเกิน 30 องศา (45 องศาจริงๆพอติดได้)

ซึ่งสมมติฐานด้านบนทำให้เราใช้ตัวเลข ชั่วโมงแสงอาทิตย์ = 4 ชั่วโมงต่อวันได้ แน่นอนว่าหลายคนสงสัยว่า เรามีชั่วโมงแสงอาทิตย์ 8โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ทำไมถึงนับชั่วโมงแสงอาทิตย์แค่ 4 ชั่วโมง ให้ดูรูปภาพประกอบคำอธิบาย (รูปภาพจาก Enkonn Solar Energy)

ชั่วโมงแสงอาทิตย์

เนื่องจากแสงแดดมันไม่ได้คงที่ทั้งวัน ดังนั้นเราจึงเอามันมารวมเป็น “จำนวนชั่วโมงที่ แสงแดดคงที่ๆ 1000W/m2” อันนี้อาจจะเข้าใจยากหน่อย แต่เอาเป็นว่า ชั่วโมงแสงอาทิตย์ของเมืองไทยจริงๆคือประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ผมหักเรื่องประสิทธิภาพระบบ รวมถึงค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพแผงโซล่าเซลล์ 25 ปี เมื่อคิดเรื่องการเสื่อมของแผงโซล่าเซลล์

ดังนั้นใช้ 3.5 -4 ชั่วโมงเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างปลอดภัย สำหรับการคำนวณจุดคุ้มทุน (รูปจาก Jinko solar)

performance warranty

พื้นฐานไฟฟ้า สำหรับการคำนวณจุดคุ้มทุน

เรามาเข้าเรื่องคำนวณกันดีกว่า ว่าการคำนวณความคุ้มค่าของการติดโซล่าเซลล์สำหรับบ้านเรือน และโรงงานเค้าทำกันยังไง เรามาปูพื้นฐานกันก่อนนะครับ สิ่งที่เราต้องรู้คือ

  1. 1 หน่วยไฟฟ้า = 1kWh
  2. ราคาค่าไฟช่วง Peak หรือประมาน 9 โมง – 4 ทุ่ม อยู่ที่ 4.2 บาท และ off-peak อยู่ที่ 2.5 บาท โดยประมาณ
  3. แยกให้ออกระหว่างหน่วย kW และ kWh ครับ หากเปรียบเทียบกับน้ำ kW จะเป็นอัตรา ตัวอย่างเช่น เติมน้ำ 5 ลิตร/นาที ส่วน kWh จะเป็นปริมาน เช่น น้ำ 5 ลิตร
  4. หน่วย kW จะใช้ในเรื่องบอกกำลังติดตั้ง เช่น ติดตั้งโซล่าเซลล์ 5kW ราคา kW ละ 4 หมื่นบาท แปลว่าเราต้องจ่ายค่าติดต้อง 40,000 x 5 = 200,000 บาท
  5. บ้านปกติจะติดอยู่ที่ประมาน 5kW – 10kW สำหรับอุตสาหกรรมจะอยู่ราวๆ ไม่เกิน 1MW หรือ 1000kW ถ้าเกินกว่านี้จะมีขั้นตอนการขออนุญาตยุ่งยาก ผู้ประกอบการจึงไม่ค่อยนิยมกัน
ติดโซล่าเซลล์ที่ที่บ้าน

การคำนวณสำหรับการติดโซล่าเซลล์บนหลังคาโรงงาน

สำหรับการคำนวนสำหรับหลังคาโรงงานอุตสหากรรม การคำนวนจะเหมือนด้านบนทุกอย่างครับ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ “ราคาการติดตั้งโซล่าเซลล์ ซึ่งปกติสเกลใหญ่ๆ ราคาติดตั้งจะถูกกว่า โดยจะอยู่ราวๆ 20-28 บาท/Wp”

และอีกอย่างที่มีความแตกต่างชัดเจนคือ “สิทธิทางภาษี” ซึ่งใครจะขอตรงนี้ต้องเช็คดู 2 อย่างคือ

  1. รัฐยังให้สิทธิทางภาษี BOI หรือไม่ ในช่วงเวลาที่เรากำลังจะขออนุญาต
  2. การแจ้งรายได้ของบริษัท มีกำไรทางบัญชีที่จะนำไปหักภาษีหรือเปล่า ซึ่งปกติเงินลงทุนระบบจะสามารถนำมาหักภาษีได้ 50% เป็นเวลา 3 ปีครับ
ติดโซล่าเซลล์โรงงาน

ตัวอย่างการคำนวณ ขั้นตอนเหมือนเมื่อกี้เลยนะ ผมเปลี่ยนแค่ขนาดติดตั้ง และราคา

  • สมมติติดตั้ง 500kW จะเท่ากับ 500,000W
  • สมมติฐานค่าติดตั้งประมาน 25 บาท/W แปลว่าค่าติดตั้งเราคือ 500,000W x 25 บาท/W = 12.5 ล้านบาท
  • ทีนี้ระบบเรา 500kW จะผลิตไฟได้ต่อวันเท่าไหร่ เราก็เอา 500kW x 4 sun hours = 2000 kWh
  • 1 kWh ตอนกลางวัน ราคา 4.2 บาท (อุตสาหกรรมอาจแพงกว่านี้นะ) แปลว่าเราจะประหยัดไฟไป 2000kWh x 4.2บาท = 8,400 บาท ต่อวัน
  • ใน 1 ปีเราจะได้ 8,400บาท x 365 วัน = 3 ล้านบาทต่อปี (อันนี้คือค่าไฟที่ลดได้นะ ดูเหมือนเยอะใช่ไหม ปกติโรงงานเค้ามีค่าไฟหลายล้านบาทต่อปีนะครับ และหากบ้านไหนที่ไม่ได้ทำงาน เสาร์ – อาทิตย์ หรือมีวันหยุดนักขัตฤกษ์โดยที่ไม่มีการใช้ไฟฟ้าเลย ให้หักวันพวกนั้นออกด้วย)
  • ค่าการดูแลรักษา ปกติอยู่ประมาน 10-20% ของระบบ ในระบบเล็กๆ ผมคิดที่ 10% จะได้ประมาน 3ล้าน x 10% = 3 แสนบาทต่อปี
  • รายได้จากการลดค่าไฟจะเท่ากับ 3 ล้าน – 3 แสน = 2.7 ล้านบาท ต่อปี
  • ดังนั้นจะคืนทุนภายใน 12.5 ล้านบาท/ 2.7 ล้านบาท = 4.6 ปี ซึ่งถือว่าคืนทุนเร็วมาก แต่มันไม่ได้มีแค่นั้นนะ
  • ที่ผมบอกว่าสำหรับอุตสาหกรรมมีการยกเว้นภาษีอีก เช่น 12.5 ล้าน นำไปเป็นผลประโยชน์ทางภาษีได้ 50% เป็นเวลา 3 ปี จะเท่ากับ 6.25 ล้าน/ 3 ปี = ปีละ 2.1 ล้านต่อปี
  • สมมติว่าอัตราภาษีสำหรับธุรกิจอยู่ที่ประมาน 20% (อันนี้ผมไม่แน่ใจตัวเลข แต่คิดว่าประมานนี้สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่) ดังนั้นจะลดค่าใช้จ่ายไปอีก เท่ากับ 2.1 ล้าน x 20% = ตกปีละ 4 แสน!

ดังนั้น 3 ปีจะเป็นเงิน 1.2 ล้าน เหมือนกับเราได้ลดค่าระบบที่ลงทุนไป 1.2 ล้าน จะเหลือเงินลงทุนจริงๆแค่ประมาน 11.3 ล้านเอง แล้วเราก็เอา 11.3ล้าน / ด้วย 2.7 ล้าน (รายได้จากการลดค่าไฟ) จะเท่ากับ 4.2 ปี เท่านั้นเอง

เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมบริษัท หรือโรงงานใหญ่ๆแห่กันทำนะครับ

สรุป

ด้านบนเป็นการคำนวนจุดคุ้มทุนของการติดโซล่าเซลล์สำหรับบ้าน และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีเงื่อนไขคือ ระบบต้องมีขนาด และสภาพการติดตั้งที่เหมาะสม ถึงจะคำนวณแบบนี้ได้ ซึ่งก็จะทำให้เราไม่ต้องผิดหวังที่ผลตอบแทนไม่ได้ตามที่คาด หรือโดนผู้รับเหมาบอกให้ติดเยอะๆนะครับ

ถ้าใครคิดว่ามีประโยชน์ อยากสนับสนุน ฟังสาระดีๆ ช่วยกด Like กด Share กด Subscribe
ช่อง “Energy for Dummies ให้ผมด้วยนะ