อินเวอร์เตอร์ คืออะไร
อินเวอร์เตอร์ คืออุปกรณ์ที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงไปเป็นกระแสสลับ หรือ DC ไปเป็น AC โดยใช้หม้อแปลงขดลวดที่เรียกว่า Toroid หรือ แผงวงจรอิเล็กทรอนิคควบคุมที่เรียกว่า สวิชชิ่ง ซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
หากใครไม่รู้ว่า DC AC คืออะไร ให้ไปทำความเข้าใจบทเรียน “ความแตกต่างไฟฟ้ากระแสตรง กระแสสลับ” ก่อนนะครับ
อินเวอร์เตอร์ มีกี่แบบ
โดยปกติเราจะแบ่งอินเวอร์เตอร์ออกเป็น 2 การใช้งานหลักคือ
- Grid-tie อินเวอร์เตอร์ (เรียกอีกแบบว่า On-grid Inverter)
- Off-grid อินเวอร์เตอร์
Grid-tie อินเวอร์เตอร์ คืออะไร มันคืออินเวอร์เตอร์สำหรับระบบ on-grid หรือ ระบบที่เราเชื่อมระบบโซล่าร์ของเราเข้ากับสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้า ซึ่ง grid-tie อินเวอร์เตอร์ก็มีอีกหลายชนิดแบ่งแยกย่อยออกไป อย่างเช่น low-volt, high-volt และแยกย่อยต่อไปอีกเป็น Micro, String, Central อินเวอร์เตอร์ ถ้าอธิบายทั้งหมดคงอีกยาวครับ
ซึ่งในบทความนี้ผมจะอธิบายเฉพาะ off-grid อินเวอร์เตอร์ ถ้าหากใครสนใจอยากศึกษาประเภทของอินเวอร์เตอร์ทั้งหมด ผมแนะนำให้ไปดูคลิป หรืออ่านบทความได้ที่ “ชนิดของอินเวอร์เตอร์ มีกี่แบบ สำหรับงานระบบโซล่าเซลล์” ผมสรุปประเภทของอินเวอร์เตอร์ทั้งหมดให้ฟังกัน
แต่หลักๆแล้ว Grid-tie อินเวอร์เตอร์ก็คืออินเวอร์เตอร์ที่ต้องทำงานเมื่อมีไฟจากการไฟฟ้าเท่านั้น มันจะต้องใช้ความถี่ของกระแสไฟฟ้าในการสร้างความถี่ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซล่าเซลล์ให้ใกล้เคียงกัน
Off-grid อินเวอร์เตอร์ อินเวอร์เตอร์อีกประเภทหนึ่ง ที่หากเราทำระบบโซล่าเซลล์ขนาดเล็กไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มคุ้นเคยกับอินเวอร์เตอร์ประเภทนี้ เพราะเป็นอินเวอร์เตอร์ที่เรานำมาใช้งานในระบบโซล่าเซลล์ off-grid ขนาดเล็กเป็นหลัก *ห้ามนำอินเวอร์เตอร์ประเภทนี้ไปขนานกับไฟบ้านเด็ดขาด!
ส่วนหน้าตามันแยกกันไม่ค่อยออกแต่ให้เราดูจากคำอธิบายเวลาจะซื้อนะ จะมีบอกไว้ชัดเจนตามรูปด้านล่าง ถ้าเป็น Grid-tie ผู้ขายปกติจะเขียนไว้ชัดเจนครับ
สำหรับงานโซล่าเซลล์ออฟกริด ปกติเราจะเห็นอินเวอร์เตอร์อยู่หลักๆสองแบบด้วยกันคือแบบ “หม้อแปลง” และ “แบบสวิทชิ่ง” อินเวอร์เตอร์สองประเภทนี้มันต่างกันยังไงหละ ข้อสังเกตุง่ายๆเลยคือ แบบหม้อแปลง จะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และราคาแพง ในขณะที่แบบสวิทชิ่ง จะมีราคาถูกหน่อย น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก ส่วนมากเราจะเจอประเภทหลังมากกว่า ถ้าดูในรูปอาจจะแยกยากหน่อยครับ
อินเวอร์เตอร์แบบสวิชชิ่ง ก็จะมีแยกย่อยไปอีกแต่หลักๆที่เราจะเห็นกันก็จะมี “modified wave” กับ “pure sine wave” อินเวอร์เตอร์ประเภท modified wave จะราคาถูกกว่าซึ่งผมไม่ได้เอามาลง แต่จะใช้กับพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นอิเลคโทรนิคจ๋าๆไม่ได้ อย่างเช่น พวกจอโทรทัศน์ ลำโพง หากใช้มันจะไม่ถึงกับทำให้เสียนะ แต่มันจะมีคลื่นตามภาพ หรือตามเสียง
ข้อดี ข้อเสีย อินเวอร์เตอร์สวิชชิ่ง และหม้อแปลง
ทีนี้คำถามคือ ถ้าอินเวอร์เตอร์แบบสวิชชิ่งถูกกว่า ทำไมยังเห็นบางคนชอบใช้อินเวอร์เตอร์แบบหม้อแปลงทั้งๆที่มันแพงอยู่หละ? อินเวอร์เตอร์สวิชชิ่งมันถูกก็จริงนะครับ แต่แน่นอนว่าความทนทานมันน้อยกว่าแบบหม้อแปลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้กับโหลดที่มีการกระชากไฟบ่อยๆจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง อย่างเช่น แอร์ตัวใหญ่ๆ ปั๊มน้ำ เครื่องเชื่อมต่างๆ พวกนี้ไม่เหมาะกับอินเวอเตอร์แบบสวิทชิ่งนะ แต่หากจะใช้ให้เลือกขนาดอินเวอร์เตอร์ที่ใหญ่กว่า Peak-load ของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ซัก 3-5 เท่า เช่น Peak load 1000w เราควรใช้ Inverter อย่างน้อย 3000-5000W ถ้าเราใช้เครื่อใช้ไฟฟ้าประเภทมอเตอร์อย่างที่บอก
เราจะเห็นว่าส่วนมากถ้าเราใช้โหลดสำหรับทั้งบ้านเลย บ้านในที่นี้หมายถึง บ้านจริงๆที่อยู่กันหลายๆคน ไม่ใช่บ้านที่อยู่ชั่วคราว แนะนำให้ใช้อินเวอร์เตอร์ประเภทหม้อแปลงน่าจะเหมาะกว่า เนื่องจากบ้านหลังนึงมีแอร์หลายตัว เวลาคอมแอร์ทำงานสลับตัดต่อ จะมีการกระชากกระแสค่อนข้างเยอะ
แต่หากเป็นการใช้งานบ้านหลังเล็กๆ บ้านสวน หรือแอร์ขนาดเล็กพวกนี้ใช้อินเวอร์เตอร์แบบสวิทชิ่งได้ครับ แต่อย่างไรก็ดีผมแนะนำว่าถ้าเป็นบ้านขนาดใหญ่ส่วนมากเราจะต่อไฟจากการไฟฟ้าอยู่แล้ว หากแค่อยากลดค่าไฟ ให้ใช้ระบบ on-grid ไปเลยน่าจะคุ้มค่าที่สุด
โดยสรุป คือในงานระบบโซล่าเซลล์ขนาดเล็ก และสำหรับผู้เริ่มต้น เน้นใช้ off-grid อินเวอร์เตอร์ ชนิด pure sine wave แบบสวิทชิ่งน่าจะเหมาะที่สุดนะ